การแปลผลความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Hemograma completo; CBC)

>

การแปลผลค่าพารามิเตอร์แต่ละรายการของการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดนั้น เป็นดังนี้

ค่าพารามิเตอร์ของเม็ดเลือดแดง (Glóbulos vermelhos; contagem de hemácias (contagem de hemácias)

การแปลผลค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ของเม็ดเลือดแดง เป็นดังนี้

>

Contagem de hemácias (contagem de hemácias)

ภาวะโลหิตจางเป็นภาวะที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในคนไทย ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกในปี ค.ศ. 2011 พบว่าคนวัยทำงาน (อายุ 15 – 49 ปี) ในประเทศไทย จะพบภาวะโลหิตจางได้มากถึง 24 % ภาวะโลหิตจางอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การขาดธาตุเหล็ก (Deficiência de ferro), ขาดวิตามินบี 12 (B12) หรือขาดโฟเลต (Folate), โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย (Talassemia), โรคพร่องเอนไซม์ G6PD (Deficiência de G6PD), การเสียเลือดจากสาเหตุต่างๆ (Perda de sangue), ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก (Anemia hemolítica), ความผิดปกติของไขกระดูก (Doença da medula óssea), ภาวะการอักเสบเรื้อรัง (Doença inflamatória crónica), โรคไตเรื้อรัง (Doença renal crônica) เป็นต้น เมื่อตรวจพบภาวะโลหิตจางแล้ว ควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยาเพื่อตรวจหาสาเหตุ และทำการรักษาหากเป็นโรคที่จำเป็นต้องทำการรักษาต่อไป

สำหรับภาวะเม็ดเลือดแดงมากนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกันเกิดจากภาวะขาดน สาเหตุที่พบบ่อย เช่น เกิดจากภาวะขาดน้ำ (Desidratação), โรคปอดเรื้อรัง (Doença pulmonar crônica), การสูบบุหรี่ (Fumar), การปรับตัวทางสรีระวิทยาของคนที่อาศัยอยู่บนที่สูง (Viver em alta altitude), โรคหัวใจแต่กำเนิด (Doença cardíaca congênita), เนื้องอกที่ไตที่สร้างฮอร์โมนอิริโทรโพอิตินมากเกิน (Tumor renal que produz excesso de eritropoietina), ความผิดปกติทางพันธุกรรม (Causa genética) เช่น โรคโพลีไซทีเมีย เวอรา (Polycythemia vera) เป็นต้น

Hemoglobina (Hb)

Hematocrit (Hct)

Índices de células sanguíneas vermelhas

  • Volume celular médio (MCV) ค่าเฉลี่ยปริมาตรเม็ดเลือดแดง (Volume celular médio หรือ Volume corpuscular médio หรือ MCV) เป็นค่าที่บอกขนาดเฉลีี่ยของเม็ดเลือดแดง มีช่วงอ้างอิงอยู่ที่ 80 – 96 fL ถ้าค่านี้ต่ำ แสดงว่าเม็ดเลือดแดงของผ้เขู้เข้ารับการตรวจมีขนาดเฉลี่ยเล่ยเล็กกว่าปกติ (Microcytic) พบได้ในภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Deficiência de ferro) และโรคธาลัสซีเมีย (Talassemia) เป็นต้น ถ้าค่านี้สูง แสดงว่าเม็ดเลือดแดงมีขนาดเฉลี่ยใหญ่กว่าปกติ (Macrocítico) พบได้ในภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 (B12) หรือโฟเลต (Folate) ภาวะไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดผิดปกติ (Mielodisplasia) โรคตับ (Doença hepática) ภาวะไทรอยด์ต่ำ (Hipotiroidismo) เป็นต้น
  • Hemoglobina celular média (HGM) ค่าเฉลี่ยระดับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง (Hemoglobina celular média หรือ Hemoglobina corpuscular média หรือ HGM) เป็นค่าที่บอกปริมาณเฉลี่ยของฮีโมโกลบีินในเม็ดเลือดแดงแต่ละเซลล้เข้เข์ของผู้เข้ารับการตรวจ มีช่วงอ้างอิงอยู่ที่ 27.5 – 33.2 pg ค่านี้เป็นคี่าทิจารณาเสร่ใช่ใช้พเนืิมกับค่า MCV โดยมักจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน ี่องจากหากขนาดเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดงเล็ก ก็จะมีปริมาณฮีโมโกลบินในเซลล์ต่ำไปด้วย และหากขนาดเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดงใหญ่ ก็จะมีปริมาณฮีโมโกลบินในเซลล์สูงไปด้วย
  • Concentração média de hemoglobina celular (CMH) ค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง (Concentração média de hemoglobina celular หรือ Concentração média de hemoglobina corpuscular หรือ CMH) เป็นค่าที่บอกความเข้มข้นเฉลี่ยของฮีโมโกลบีินในเม็ดเลือดแดงแต่ละเซลล้เข์ของผู้เข้ารับการตรวจ มีช่วงอ้างอิงอยู่ท่ประมาณ่ประมาณ 33.4 – 35.5 g/dL ถ้าค่านี้ต่ำ แสดงว่าเม็ดเลือดแดงแต่ละเซลล่ละเซลล่ละเซลล์มีความเขีโมโกลบ้มข้นฮินน้นี้อย (Hipocromia) พบได้ในภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Deficiência de ferro) และโรคธาลัสซีเมีย (Talassemia) เป็นตี ถ้าค่านี้สูง แสดงว่าเม็ดเลือดแดงแต่ละเซลลิค์มีความเข้มข้นฮีโมโกลบินมาก (Hipercrómio) พบได้ในภาวะบางอย่าง เช่น ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตกเนื่องจากภาวะภูมุ่อต่อต้มกันต่อต้านตนเอง (Hemolítica auto-imune anemia) ผู้ป่วยถูกที่ถูกไฟไหม้ (Paciente queimado) หรือโรคเม็ดเลือดแดงป่องจากพันธุกรรม (Esferocitose hereditária)

RBC largura de distribuição (RDW)

Morfologia RBC

ส่วนลักษณะที่รายงานว่ามีรูปร่างของเม็ดเลือดแดงผิดปกติ (Poiquilocitose) เกิดจากการที่มีเซลล์เม็ดเลือดแดงบางเซลล์มีรูปร่างผิดปกติ พบปะปนอยู่กับเซลล์เม็ดเลือดแดงทั่วไป ลักษณะของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติที่พบได้ เช่น เซลล์รูปเป้า (Célula alvo) , เซลล์รูปกลม (Esferócito), เซลล์รูปรี (Ovulócito), เซลล์รูปหนาม (Acantócito หรือ Célula de esporos), เซลล์ขอบหยัก (Célula de Burr), เซลล์รูปเคียว (Célula falciforme), เซลล์รูปหยดน้ำ (Teardrop cell), เซลล์รูปเศษเสี้ยว (Schistocyte) เป็นต้น

ค่าพารามิเตอร์ของเม็ดเลือดขาว (White blood cell; WBC)

การแปลผลค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ของเม็ดเลือดขาว เป็นดังนี้

White contagem de leucócitos (contagem de leucócitos)

การตรวจปริมาณของเม็ดเลือดขาว (contagem de leucócitos หรือ Contagem de leucócitos หรือ Total de leucócitos หรือ WBC total) ค่านี้เป็นค่าปริมาณของเมี็ดเลือดขาวที่นับได้จากตัวอย่างเลือดของผู้เข้ารับการตรวจ มีช่วงอ้างอิงในอยู่ท่ประมาณ่ประมาณ 4,500 – 11,000 células/mm3 (ห้องปฏิบัติการของสถานพยาบาลบางแห่งอาจรายงานเป็นหน็นหน่วย células/microlitro ก็ได้ ซึ่งมีค่าเท่ากันกับหน่วย célula/mm3) จำนวนของเม็ดเลือดขาวที่รายงานนี้เป็นจำนวนของเม็ดเลือดขาวทุกชนิดรวมกัน (Todos os tipos de células)

ถ้าค่า Contagem de leucócitos มีค่าต่ำ เราเรียกว่าภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Leucopenia) อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไขกระดูกถูกทำลาย (Lesões na medula óssea), ความผิดปกติของไขกระดูก (Doença da medula óssea), ภาวะภูมิคุ้มกันต่อต้านตนเอง (Estado auto-imune), การติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง (Sepsis), ภาวะขาดอาหาร (Insuficiência dietética), มะเร็งต่อมน้ำเหลืองหรือมะเร็งชนิดอื่นๆ ที่ลามไปกดเบียดไขกระดูก (Linfoma ou outros cancros que se espalham até à medula óssea), โรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น การติดเชื้อเอชไอวี (infecção pelo HIV) เป็นต้น

ถ้าค่า contagem de leucócitos มีค่าสูง เราเรียกว่าภาวะเม็ดเลือดขาวมาก (Leucocitose) มักเกิดจากภาวะที่มีการอักเสบติดเชื้อในร่างกาย หรือมีความผิดปกติที่ไขกระดูก สาเหตุของภาวะเม็ดเลือดขาวมากที่เป็นไปได้ เช่น มีการติดเชื้อในร่างกาย (Infecção) ที่พบบ่อยคือการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bactérias) หรือไวรัส (Vírus) ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเพื่อมาจัดการกับเชื้อโรค, มีการอักเสบในร่างกาย (Inflamação), เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leucemia) หรือมีความผิดปกติของไขกระดูก (Doença Mieloproliferativa) ทำให้ไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมามากผิดปกติ, ภาวะภูมิแพ้ (Alergia) และหอบหืด (Asma), มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อในร่างกาย (morte do tecido) เช่น แผลไฟไหม้ ถูกกระแทก กล้ามเนื้อหัวใจตาย, การออกกำลังกายอย่างหนัก (Exercício intenso), ความเครียดรุนแรง (Grave stress) เป็นต้น

Diferencial de leucócitos (diferencial de leucócitos)

  • Neutrófilo นิวโทรฟิล (Neutrófilo; N) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่มีจำนวนมากที่สุด ทำหน้าทีื่ต่อต้านเชี้อแบคทีเรีย (Bactérias) และเชื้อรา (Fungos) นิวโทรฟิลเป็นเหมือนด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกันที่คอยทำหน้าทืื่จับกินเชื้อโรค เมื่อนิวโทรฟิลตายก็จะกลายเป็นหนอง (Pus) ช่วงอ้างอิงของเม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะอยู่ที่ 40 – 80 % หรือประมาณ 2,000 – 7.000 células/mm3 ระดับของเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลจะสูงขึ้นกว่าปกติได้จากหลายสาเหตุ เช่น ร่างกายเกิดการอักเสบ (Inflamação), การติดเชื้อแบคทีเรียแบบเฉียบพลัน (infecção bacteriana aguda), มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อในร่างกาย (morte tecidual) เช่น แผลไฟไหม้ ถูกกระแทก กล้ามเนื้อหัวใจตายัวใจตาย, การออกกำลังกายอย่างหนัก (Exercício intenso), ความเครียดรุนแรง (Stress severo), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด เช่น Leucemia mielóide crônica (LMC), กลุ่มอาการคุชชิง (Síndrome de Cushing) เป็นต้น
  • Linfócito ลิมโฟไซต์ (Linfócito; L) เป็นเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่หลักในการต่อต้านเชื้อไวรัส (Vírus) เม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะแบ่งออกเป็นชนิดย่อย 3 ชนิด ได้แก่ Célula B คอยทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี (Anticorpo) ซึ่งเป็นสารทีี่ทำหน้าทื่จับกับเชื้อโรค, Célula T คอยทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคโดยระบบการกระตุ้นเซลล์ (Imunidade mediada por células), และ Célula assassina natural (หรือ Célula NK) คอยทำหน้าที่กำจัดเซลล์ทีื่ติดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็งโดยวิธีการกระตุ้นเซลล์ (คล้ายกับ Célula T) ค่าระดับของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ที่รายงานในการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด จะเป็นค่ารวมของเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซติมโฟไซต์ชนิดย่อยทั้ง 3 ชนิดรวมกัน ช่วงอ้างอิงของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์จะอยู่ที่ 20 – 40 % หรือประมาณ 1,000 – 3.000 células/mm3 สาเหตุที่ทำให้ระดับเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์สูงขึ้นกว่าปกติ เช่น การติดเชื้อไวรัสแบบเฉียบพลัน (infecção viral aguda) เช่น โรคอีสุกอีใส โรคเริม โรคหัด, การติดเชื้อแบคทีเรีเรียบางชนิด (Certas infecções bacterianas) เช่น โรคคอตีบ วัณโรค, การติดเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา (Toxoplasmose), การอักเสบเรื้อรัง (Inflamação crónica), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Leucemia linfocítica , มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Linfoma), ความเครียด (Stress) เป็นต้น
  • Monocyte โมโนไซต์ (Monocyte; M) เป็นเม็ดเลือดขาวที่มีหน้าทีื่จับกินเชื้อโรค และสามารถจดจำลักษณะของเชื้อโรคไว้ได้ด้วย มักพบในปริมาณเพียงเล็กน้อยในกระแสเลือด โมโนไซต์เมื่อเคลื่อนที่จากกระแสเลือดเข้าไปในเนืื้อเยี่อ จะพัฒนาเป็นเซลล์ที่เรียกว่ามาโครฟาจ (Macrophage) ช่วงอ้างอิงของเม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์จะอยู่ที่ 2 – 10 % หรือประมาณ 200 – 1,000 células/mm3 สาเหตุที่ทำให้ระดับเม็ดเลือดขาวชนิดนีูงกว้สื่าปกติ เช่น การติดเชื้อเรืี้อรัง (Infecção crónica) เช่น เชื้อรา วัณโรค, การติดเชี้อแบคทีเรียที่หัวใจ (Endocardite bacteriana), โรคที่เกิดการอักเสบของหลอดเลือดในเนื้อเยื่อ (Doença vascular do colágeno) เช่น ลูปัส (Lúpus) โรคหนังแข็ง (Esclerodermia) ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Artrite reumatóide) หลอดเลือดอักเสบ (Vasculite), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Leucemia monocítica หรือ Leucemia mielomonocítica เป็นต้น
  • Eosinófilos อีโอซิโนฟิล (Eosinófilos; E) เป็นเม็ดเลือดขาวทีี่ทำหน้าทและการอักเสบ่หลักในการต่อต้านพยาธิ การแพ้ และการอักเสบ โดยการปล่อยสารเคมีกลุ่ม ไซโตไคน์ (Citocina) และเอนไซม์ (Enzima) หลายชนิด เม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล มักพบในกระแสเลือดในปริมาณไม่มากนัก ช่วงอ้างอิงของเม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะอยู่ที่ 1 – 6 % หรือประมาณ 20 – 500 células/mm3 สาเหตุที่ทำให้ระดับเม็ดเลือดขาวชนิดนี้สูงกว่าปกติ เช่น โรคที โรคที่เกี่ยวกับภาวะภูมิแพ้ (alergia) เช่น หอบหืด (asma) ภูมิแพ้น้ำมูลไหล (rinite alérgica) โรคผิวหนังภูมิแพ้ (dermatite atópica), ปฏิกิริยาต่อยาบางชนิด (Reacção a medicamentos) , การติดเชื้อพยาธิ (Infecção parasitária), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leucemia) หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Linfoma) บางชนิด, ภาวะอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Doença inflamatória intestinal) เป็นต้น
  • Basofil เบโซฟิล (Basofil; B) เป็นเม็ดเลือดขาวที่มีบทบาทเกี่ยวกับการอักเสบและภาวะภูมิแพ้เช่นเดียวกับเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล เบโซฟิลมักพบในปริมาณเพียงเล็กน้อยในกระแสเลือด ถ้าอยู่ในเนื้อเยื่อจะถูกเรียกว่าแมสเซลล์ (Célula do mastro) ซึ่งมีลักษณะและการทำหน้าที่เหมือนกัน เม็ดเลือดขาวชนิดเบโซฟิลสามารถปล่อยสารเคมีชื่อฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทอย่างมากในกระบวนการก่อปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Anafilaxia) และภาวะภูมิแพ้ (Alergia) ในร่างกาย ช่วงอ้างอิงของเม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะอยู่ที่ < 1 – 2 % หรือประมาณ 20 – 1 ,000 células/mm3 สาเหตุที่ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดนี้มีระดับสูงกว่าปกติ เช่น การแพ้อาหาร (Alergia alimentar), ผื่นลมพิษ (Urticária), ภาวะอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Doença inflamatória intestinal) ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Artrite reumatóide) , โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leucemia) บางชนิด เป็นต้น
  • นอกจากนี้ ในการตรวจจำแนกชนิดของเม็ดเลือดขาว (WBC diferencial ) หากมีการส่องกล้องจุลทรรศน์ดูหยดเลือดย้อมสีบนแผ่นสไลด์ (Esfregaço de sangue periférico) โดยนักเทคนิคการแพทย์ด้วยแล้ว ยังอาจสามารถพบเม็ดเลือดขาวแบบที่ผิดปกติชนิดอืื่นๆ เพิ่มเติมได้ด้วย เช่น Band neutrophil (Célula da banda) ซึ่งเป็นตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล ปกติจะพบได้ในปริมาณเล็กน้อยในกระแสเลือด แต่หากพบจำนวนมากอาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน (Infecção aguda) ทำให้ไขกระดูกต้องรีบปล่อยเซลล์ตัวอ่อนออกมาทำงาน, ตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาว (Célula precursora หรือ Célula de explosão) ชนิดอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น Myelocyte, Metamielocyte, Promyelocyte, และ Myeloblast โดยทั่วไปจะไม่พบตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวเหล่านี้ในกระแสเลือด หากพบอาจบ่งชี้ถึงการเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leucemia), Linfócito atípico เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ที่มีลักษณะใหญ่และย้อมติดสีฟ้าผิดปกติ พบได้ในโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีชื่อว่า โรคโมโนนิวคลีโอซิสิส (Mononucleose infecciosa), นอกจากเม็ดเลือดขาวแบบที่ผิดปกติแล้ว การส่องกล้องจุลทรรศน์ดูหยดเลือดย้อมสีบนแผ่นสไลด์ยังอาจทำให้พบเชื้อมาลาเรีย (Malária) ในคนที่ติดเชื้อมาลาเรียได้ด้วย

ค่าพารามิเตอร์ของเกล็ดเลือด (Platelet; PLT)

การแปลผลค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ของเกล็ดเลือด เป็นดังนี้

Contagem de plaquetas

>>COPY0 Platelet contagem ต่ำ จะเรียกว่ามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) ทำให้เกิดปัญหาเลือดไหลแล้วหยุดได้ยาก เกิดจุดเลือดออก (Petechia) จ้ำเลือดขนาดเล็ก (Purpura) จ้ำเลือดขนาดใหญ่ (Ecquimose) ขึ้นตามผิวหนัง สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำมีได้หลากหลายมาก ที่พบได้ เช่น คนตั้งครรภ์ (Gravidez), ภาวะม้ามโต (Spleenomegaly), โรคเกล็ดเลือดต่ำโดยสาเหตุจากภูมิคุหรือ้มกัน (Púrpura trombocitopénica imunológica หรือ Púrpura trombocitopénica idiopática หรือ ITP), ผลจากการกินยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) ซัลฟา (Sulfa) เฮพาริน (Heparin), ภาวะตับแข็ง (Cirrose), การติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง (Sepsis), การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น โรคโมโนนิวคลีโอซิส (Mononucleose infecciosa) โรคหัด (Sarampo) โรคไวรัสตับอักเสบ (Hepatite viral), ได้รับยาเคมีบำบัดหรือฉายรังสี (Quimioterapia ou radioterapia), ภาวะความผิดปกติของไขกระดูก เช่น Mielodisplasia และ Anemia aplástica, โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leucemia), โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Linfoma) เป็นต้น

หากค่า Contagem de plaquetas มีค่าสูง จะเรียกว่ามีภาวะเกล็ดเลือดสูง (Trombocitose) ทำให้เกิดปัญหาเกัญหาเกิดเลือดแข็งตัวแบบผัวแบบผิดปกติในหลอดเลือดได้ สาเหตุของภาวะเกล็ดเลือดสูงพบได้หลายอย่าง เช่น ความผิดปกติของไขกระดูก (Doença Mieloproliferativa) เช่น ภาวะไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดขึ้นมากผิดปกติ (Trombocitose essencial), โรคมะเร็ง (Câncer) เช่น มะเร็งปอด มะเร็งปอด มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Deficiência de ferro), ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก (Anemia hemolítica), ภาวะอักเสบเรื้อรัง เช่น ลูปัส (Lupus) ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Artrite reumatóide) โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Doença inflamatória intestinal) เป็นต้น

Morfologia da plaqueta

เอกสารอ้างอิง

  1. Mayo Clinic. Hemograma completo (CBC) . 2016 . Disponível a partir de: http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/complete-blood-count/home/ovc-20257165.
  2. Curry CV. Medscape – Hemograma diferencial . 2015 . Disponível a partir de: http://emedicine.medscape.com/article/2085133-overview.
  3. Thompson EG, O’Donnell J. WebMD – Hemograma completo (CBC) . 2015 . Disponível a partir de: http://www.webmd.com/a-to-z-guides/complete-blood-count-cbc#1.
  4. Lab Tests Online . Hemograma completo (CBC) . 2017 . Disponível a partir de: https://labtestsonline.org/understanding/analytes/cbc.
  5. Organização Mundial de Saúde (OMS) . A prevalência global de anemia em 2011. Genebra: OMS; 2015.
  6. Curry CV. Medscape – Largura de distribuição de células vermelhas (RDW) . 2015 . Disponível em: http://emedicine.medscape.com/article/2098635-overview.
  7. Ceelie H, Dinkelaar RB, van Gelder W. Exame de filmes de sangue periférico usando microscopia automatizada; avaliação de Diffmaster Octavia e Cellavision DM96. J Clin Pathol 2007;60(1):72-9.
  8. Constantino BT. Relato e classificação da morfologia anormal dos eritrócitos. Int J Lab Hematol 2015;37(1):1-7.
  9. Tidy C. Patient – Peripheral blood film . 2016 . Disponível a partir de: https://patient.info/doctor/peripheral-blood-film.

Deixe um comentário